ไฟตกในโรงงานบ่อย แก้ยังไงดี

ไฟตกในโรงงานบ่อย แก้ยังไงดี

หากคุณเป็นเจ้าของโรงงานหรือดูแลระบบไฟฟ้าในภาคอุตสาหกรรม
“ไฟตก” คงเป็นคำที่คุณได้ยินบ่อยจนน่าหนักใจ
บางครั้งไฟแค่กระพริบวูบหนึ่ง เครื่องจักรก็ดับ
หรือแค่เครื่องอัดลมทำงานพร้อมกันสองเครื่อง ไฟทั้งไลน์ก็สั่นไปหมด…

คำถามคือ ไฟตกในโรงงานบ่อย ๆ แบบนี้ ต้องทำยังไง?
มีวิธีแก้ไขที่ยั่งยืนไหม หรือแค่ต้องทนไปเรื่อย ๆ?

บทความนี้จะพาคุณไปหาคำตอบ พร้อมแนะนำแนวทางตรวจสอบและแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ
ไม่ใช่แค่บอกว่า “เปลี่ยนหม้อแปลงสิ!” แต่จะพาเจาะลึกถึงสาเหตุ วิธีวิเคราะห์ และทางแก้ที่คุ้มค่าในระยะยาว

ไฟตกในโรงงาน คืออะไร?

ไฟตก (Voltage Drop) คือภาวะที่แรงดันไฟฟ้าในระบบลดต่ำกว่ามาตรฐาน เช่น จาก 220V เหลือเพียง 180V หรือจาก 380V เหลือแค่ 340V ซึ่งอาจเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่หรือเป็นระยะเวลานาน

ผลที่ตามมาคือ:

  • เครื่องจักรทำงานผิดปกติ
  • มอเตอร์ร้อน เสื่อมไว
  • ไฟกระพริบ อุปกรณ์ควบคุมดับ
  • ผลผลิตเสียหาย หรือหยุดไลน์การผลิต

เสียหายมากกว่าที่คิด และส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าแบบเงียบๆ

สาเหตุหลักของ “ไฟตกในโรงงาน” ที่ควรรู้ก่อนแก้

✅ 1. โหลดไฟฟ้าเกินความสามารถของระบบ

หากมีการเพิ่มเครื่องจักร หรือใช้ไฟพร้อมกันหลายจุด โดยไม่ได้ปรับปรุงระบบไฟฟ้าให้รองรับ อาจทำให้แรงดันตกลงทันทีเมื่อโหลดเพิ่มสูง

✅ 2. สายไฟขนาดเล็กเกินไป หรือเก่าแล้ว

การใช้สายไฟที่ไม่เหมาะกับโหลด เช่น เดินสาย 10 SQ.mm. แต่ใช้กับโหลด 200A ย่อมทำให้เกิดความร้อนและแรงดันไฟลด

✅ 3. ระบบหม้อแปลงเล็กหรือเสื่อมสภาพ

หม้อแปลงที่ติดตั้งมานาน หรือมีขนาดเล็กกว่าความต้องการจริง จะไม่สามารถรักษาระดับแรงดันไฟฟ้าได้เสถียร โดยเฉพาะช่วงพีคโหลด

✅ 4. ระบบกราวด์และนิวทรัลมีปัญหา

ระบบกราวด์ที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้เกิดแรงดันไม่สมดุล โดยเฉพาะระบบ 3 เฟส ซึ่งจะเห็นได้ชัดในเฟสที่ใช้งานมาก

✅ 5. ไฟตกจากต้นทาง (การไฟฟ้า)

หากพื้นที่ของโรงงานอยู่ห่างจากหม้อแปลงต้นทาง หรืออยู่ในเขตอุตสาหกรรมที่ใช้ไฟหนาแน่น อาจทำให้ไฟตกมาแต่ต้นทางอยู่แล้ว

ไฟตกในโรงงานบ่อย แก้ยังไงดี? เราขอแนะนำเป็น “ขั้นตอน” แบบนี้ครับ

🔎 ขั้นที่ 1: ตรวจวัดแรงดันไฟฟ้าด้วยเครื่องมือที่เชื่อถือได้

เริ่มจากการติดตั้ง Power Meter หรือ Data Logger เพื่อเก็บข้อมูลแรงดันไฟฟ้าแบบเรียลไทม์ โดยเน้นช่วงเวลาโหลดพีค (เช้า–บ่าย)

✅ ข้อมูลที่ควรจับตา:

  • ค่าแรงดันในแต่ละเฟส
  • ช่วงเวลาที่เกิดแรงดันต่ำ
  • โหลดรวมในแต่ละช่วง

ถ้าไม่มีเครื่องมือ แนะนำให้จ้างวิศวกรไฟฟ้าภายนอกตรวจวัดสักครั้งเพื่อวิเคราะห์ปัญหาอย่างแม่นยำ

⚙️ ขั้นที่ 2: ประเมินโหลดไฟฟ้าในระบบจริง

รวบรวมรายการอุปกรณ์ทุกชิ้นที่ใช้ไฟ พร้อมระบุโหลดเป็น kW/kVA และพฤติกรรมการใช้งาน เช่น

  • เครื่อง CNC ใช้ต่อเนื่อง 8 ชม./วัน
  • Compressor เปิดพร้อมกัน 3 ตัวตอนเช้า
  • Oven Heater ทำงานทุก 30 นาที

โหลดจริงบางครั้งมากกว่าที่คิดเพราะเปิดหลายเครื่องพร้อมกันโดยไม่รู้ตัว

🧯 ขั้นที่ 3: ตรวจสอบขนาดสายไฟหลัก และสายย่อย

ถ้าพบว่าไฟตกเฉพาะบางจุด (เช่น เฟสเดียว หรือโซนหนึ่ง) อาจเกิดจากขนาดสายไฟที่ไม่เพียงพอ หรือจุดต่อหลวม เสื่อมสภาพ

สิ่งที่ควรทำ:

  • ตรวจสอบหน้าตัดสายไฟ
  • เช็กจุดเชื่อมต่อหลัก–ย่อย
  • ตรวจสอบเบรกเกอร์ และจุดเกิดความร้อน

🔧 ขั้นที่ 4: ปรับปรุงหรือเพิ่มขนาดหม้อแปลง

หากระบบไฟตกทั้งโรงงาน และโหลดรวมสูงเกิน 80% ของหม้อแปลงที่มีอยู่ แนะนำให้:

  • ขอ เปลี่ยนหม้อแปลงขนาดใหญ่ขึ้น จากการไฟฟ้า
  • หรือ เพิ่มหม้อแปลงสำรอง เพื่อแบ่งโหลดในช่วงพีค

ค่าใช้จ่ายเริ่มตั้งแต่หลักหมื่น – หลักแสน ขึ้นกับขนาดและระยะเดินสาย

⚡ ขั้นที่ 5: ติดตั้งเครื่องควบคุมแรงดัน (AVR หรือ Stabilizer)

สำหรับโรงงานที่ไฟตกแบบกระชากสั้นๆ หรือมีเครื่องจักรที่ Sensitive มาก อาจใช้ Automatic Voltage Regulator (AVR) หรือ Stabilizer ช่วยควบคุมแรงดันไฟให้เสถียรได้

เหมาะกับ:

  • เครื่อง CNC
  • ระบบ PLC
  • เครื่องตรวจสอบที่ใช้ Sensor ละเอียด

🔁 ขั้นที่ 6: จัดลำดับเปิดใช้งานเครื่องจักร

แม้จะฟังดูง่าย แต่การ “ไม่เปิดทุกเครื่องพร้อมกัน” สามารถลดไฟตกได้มากโดยไม่ต้องลงทุน

ตัวอย่าง:

  • เปิด Compressor A ก่อน 3 นาที
  • ค่อยเปิด Compressor B
  • ใช้ระบบ Timer หรือ PLC ควบคุม

🧰 ขั้นที่ 7: ตรวจสอบระบบกราวด์อย่างจริงจัง

หลายครั้งปัญหาแรงดันตกหรือแรงดันเพี้ยน เกิดจาก Ground Loop หรือ Ground ที่ต้านทานสูงเกินไป

แนะนำให้:

  • ตรวจสอบ Ground Rod ว่ายังใช้งานได้หรือไม่
  • วัดค่าความต้านทานดิน (ควรไม่เกิน 5 โอห์มในโรงงานทั่วไป)
  • ทำ Ground ใหม่ถ้าค่าเกินมาตรฐาน

แล้วถ้าลองทุกวิธีแล้วยังไฟตกอยู่?

กรณีไฟตกจากต้นทางโดยตรง อาจต้อง:

  • ทำหนังสือขอปรับปรุงระบบจากการไฟฟ้าในพื้นที่
  • ขอแยกสายป้อนเฉพาะโรงงานของคุณ
  • ปรึกษาวิศวกรที่มีประสบการณ์ด้านระบบ Distribution Line
  • อัปเกรดระบบเป็นไฟ 3 เฟส ขนาดสูงขึ้น (หากยังใช้ขนาดต่ำ)

อย่ามองข้ามสัญญาณ “ไฟตก” เพราะมันอาจไม่ใช่แค่เรื่องเล็ก

หลายโรงงานมองว่าไฟตกไม่เป็นไร “รีบเปิดใหม่ก็จบ”
แต่ความจริงแล้ว…

  • ไฟตกบ่อย = มอเตอร์ทำงานผิดจังหวะ = ความร้อนสะสม
  • ไฟตกเสมอ = เครื่องจักรต้องใช้พลังงานมากขึ้น = ค่าไฟสูงขึ้น
  • ไฟตกแบบพีค = ระบบ PLC เสียหาย, ข้อมูลหาย, หยุดไลน์ผลิต
  • ไฟตกแล้วฟื้นช้า = สะเทือนความเชื่อมั่นของลูกค้า

สรุป: ไฟตกในโรงงานบ่อย แก้ได้ถ้ารู้วิธี

ปัญหาไฟตกไม่ใช่เรื่องธรรมดาในโรงงานอุตสาหกรรม
แต่ไม่ใช่เรื่องที่แก้ไม่ได้

สิ่งสำคัญคือ “เข้าใจต้นเหตุ”
แล้ววางแผนแก้ไขอย่างเป็นระบบ ไม่ใช่แค่ “ซื้อของมาติดเพิ่ม”
แต่ควรตรวจสอบตั้งแต่หม้อแปลง โหลด สายไฟ จนถึงพฤติกรรมการใช้งานจริงของแต่ละแผนก

เพราะในโรงงานที่ทุกนาทีมีมูลค่า การปล่อยให้ไฟตก… อาจแพงกว่าที่คุณคิด

📌 สนใจออกแบบอาคารตามกฎหมายระยะร่น? ติดต่อเราวันนี้เพื่อรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ! 🚀

สนใจสอบถามบริการสร้างโรงงาน สร้างโกดังเพิ่มเติม ติดต่อ Steelframebuilt ได้เลย!

#Steelframebuilt #สร้างโรงงาน #สร้างโกดัง #โรงงาน #โกดัง #รับสร้างโรงงาน #รับสร้างโกดัง #บริษัทรับสร้างโรงงาน

ช่องทางการติดต่อ