รู้จัก Green Building เปลี่ยนแนวคิดการก่อสร้าง สู่อนาคตที่ยั่งยืน

รู้จัก Green Building

ในยุคที่ผู้คนต่างหันมาใส่ใจเรื่องคุณภาพชีวิตและสภาพแวดล้อมกันมากขึ้น คำว่า “Green Building” ย่อมกลายเป็นคำที่เราเริ่มคุ้นหูมากขึ้นในแวดวงสถาปัตยกรรม วิศวกรรม และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ถึงแม้ว่าคำนี้อาจฟังดูเป็นเพียง “เทรนด์” แต่ในความเป็นจริงแล้ว Green Building ได้ก้าวสู่การเป็นมาตรฐานสำคัญสำหรับโครงการก่อสร้างทั่วโลก เราควรมาทำความรู้จักแนวคิดนี้ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ว่าทำไมจึงเป็นอนาคตของวงการก่อสร้าง และจะช่วยเปลี่ยนสังคมให้ยั่งยืนได้อย่างไร

1. Green Building คืออะไร?

นิยามของอาคารสีเขียว
Green Building หรือ “อาคารสีเขียว” หมายถึงอาคารที่ได้รับการออกแบบ ก่อสร้าง และบริหารจัดการให้ส่งผลกระทบด้านลบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด โดยใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และมีคุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับผู้อยู่อาศัยหรือผู้ใช้งาน ซึ่งการก่อสร้างและการใช้อาคารในแนวทางนี้จะคำนึงถึงวงจรชีวิตของอาคารทั้งหมด ตั้งแต่การออกแบบ ไปจนถึงการใช้งานและการบำรุงรักษา

เป้าหมายหลักของการทำ Green Building

  1. ลดการใช้พลังงาน ทั้งจากไฟฟ้าและเชื้อเพลิงฟอสซิล
  2. ลดปริมาณขยะ และมลพิษที่เกิดขึ้นตลอดกระบวนการก่อสร้างและการอยู่อาศัย
  3. ส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย อาทิ สุขภาพ ความปลอดภัย และความสะดวกสบาย
  4. รักษาความหลากหลายทางชีวภาพ และเคารพต่อทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ดิน น้ำ ป่าไม้

2. ทำไม Green Building จึงสำคัญ?

2.1 สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ในปัจจุบัน โลกกำลังเผชิญกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ซึ่งมีผลมาจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นภาคอุตสาหกรรม การเดินทาง การก่อสร้าง หรือกิจกรรมอื่น ๆ ที่สร้างมลพิษ การส่งเสริมอาคารสีเขียวจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยลดการใช้พลังงาน ลดมลพิษ และชะลอภาวะโลกร้อน

2.2 ประหยัดต้นทุนในระยะยาว

การออกแบบอาคารสีเขียวมักใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ช่วยลดการใช้พลังงาน เช่น การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ การใช้ฉนวนกันความร้อนที่มีประสิทธิภาพ หรือการใช้ระบบหมุนเวียนน้ำ สิ่งเหล่านี้อาจจะมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นสูง แต่หากมองในระยะยาวแล้ว อาคารสีเขียวย่อมช่วยประหยัดต้นทุนด้านค่าน้ำค่าไฟ และค่าบำรุงรักษาที่น้อยลงอย่างชัดเจน

2.3 คุณภาพชีวิตและสุขภาพของผู้อยู่อาศัย

Green Building ไม่ได้คำนึงถึงแค่สิ่งแวดล้อมภายนอกเท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นการปรับปรุงคุณภาพชีวิตภายในอาคาร ให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกสบาย ปลอดภัย และมีสุขอนามัยที่ดี เช่น การใช้วัสดุที่ปล่อยสารพิษน้อยลง การออกแบบให้มีการระบายอากาศที่เพียงพอ และการเลือกใช้แสงธรรมชาติเข้ามาช่วย ลดการใช้แสงสว่างจากหลอดไฟในช่วงกลางวัน

2.4 ความนิยมของผู้บริโภคและมาตรฐานสากล

ปัจจุบัน ผู้บริโภคหรือนักลงทุนให้ความสนใจกับอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น บางประเทศยังมีมาตรฐานการรับรองอาคารสีเขียว เช่น LEED (Leadership in Energy and Environmental Design), BREEAM (Building Research Establishment Environmental Assessment Method) หรือ TREES (Thai’s Rating of Energy and Environmental Sustainability) ในประเทศไทย การได้รับการรับรองจะช่วยยกระดับภาพลักษณ์โครงการและเพิ่มความน่าเชื่อถือในวงกว้าง

3. องค์ประกอบสำคัญของการทำ Green Building

3.1 การออกแบบเชิงนวัตกรรม (Innovative Design)

  • การใช้แสงธรรมชาติ: ลดการใช้พลังงานไฟฟ้า ด้วยการวางตำแหน่งอาคารและช่องเปิดให้รับแสงได้มากขึ้น เช่น การเจาะช่องหลังคา (Skylight) หรือหน้าต่างกระจกที่ดีไซน์ตามทิศทางแสง
  • การระบายอากาศตามธรรมชาติ: เน้นการระบายความร้อนผ่านช่องลม เพื่อให้ภายในอาคารเย็นสบายโดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศมากเกินไป
  • การจัดการพื้นที่สีเขียว: ออกแบบพื้นที่สำหรับปลูกต้นไม้บนดาดฟ้าหรือในพื้นที่ว่าง เพื่อช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และลดปัญหาเกาะความร้อนในเมือง (Urban Heat Island)

3.2 เลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

  • วัสดุรีไซเคิลหรือวัสดุทดแทน: การเลือกใช้วัสดุรีไซเคิล เช่น เหล็กรีไซเคิล กระจกรีไซเคิล ช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติใหม่ และลดของเสียที่ต้องนำไปกำจัด
  • วัสดุที่มีค่าการปล่อยสารพิษต่ำ: เช่น สีที่ปราศจากสาร VOC (Volatile Organic Compounds) หรือกาวที่ไม่มีสารฟอร์มาลดีไฮด์ เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยปลอดภัยจากสารเคมีอันตราย
  • วัสดุพื้นถิ่น: เลือกใช้วัสดุที่หาง่ายในท้องถิ่น เช่น ไม้ไผ่ แผ่นดินเผา หิน โดยคำนึงถึงการขนส่งและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่น้อยลง

3.3 ระบบบริหารจัดการน้ำ (Water Efficiency)

  • การติดตั้งระบบหมุนเวียนน้ำ: เช่น การนำน้ำฝนมาใช้ในการรดน้ำต้นไม้ หรือการใช้น้ำจากการล้างมือไปรดน้ำต้นไม้ต่อ ถือเป็นการใช้ทรัพยากรน้ำอย่างคุ้มค่า
  • สุขภัณฑ์ประหยัดน้ำ: เลือกใช้ฝักบัวหรือโถสุขภัณฑ์ที่มีการไหลเวียนน้ำในปริมาณพอเหมาะ ช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำและค่าใช้จ่ายในระยะยาว

3.4 การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (Energy Efficiency)

  • เครื่องปรับอากาศประหยัดพลังงาน: เลือกใช้เครื่องปรับอากาศที่มีค่าประหยัดพลังงานสูง หรือเทคโนโลยี Inverter เพื่อลดการใช้ไฟฟ้า
  • ระบบควบคุมอัจฉริยะ (Smart System): ติดตั้งอุปกรณ์ตรวจจับความเคลื่อนไหว (Motion Sensor) หรือระบบจัดการพลังงาน (Energy Management System) เพื่อควบคุมการเปิด-ปิดไฟฟ้าและปรับอุณหภูมิภายในอาคารให้เหมาะสม
  • พลังงานทดแทน: ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ หรือกังหันลม (ในกรณีที่ทำได้) ช่วยลดการพึ่งพาไฟฟ้าจากกริดหลัก และลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว

3.5 การจัดการของเสีย (Waste Management)

  • ลด ใช้ซ้ำ และรีไซเคิล: แนวคิด 3R (Reduce, Reuse, Recycle) ควรเป็นส่วนหนึ่งของทุกโครงการก่อสร้างสีเขียว ตั้งแต่การคัดแยกขยะในอาคาร ไปจนถึงของเหลือใช้จากกระบวนการก่อสร้าง
  • อุปกรณ์จัดเก็บและกำจัดขยะอย่างเป็นระบบ: ควรวางแผนเส้นทางการขนขยะ พื้นที่เก็บขยะ (สำหรับแยกประเภท) ให้เหมาะสม เพื่อลดมลพิษและกลิ่นรบกวนผู้อยู่อาศัย

4. ตัวอย่าง Green Building ในชีวิตจริง

4.1 อาคารสำนักงาน

  • หลายบริษัทใหญ่ ๆ ทั่วโลก หันมาออกแบบสำนักงานใหญ่ของตนให้เป็นอาคารสีเขียว ติดตั้งระบบไฟฟ้าอัจฉริยะ ผนังอาคารที่ลดความร้อน รวมถึงมีพื้นที่สีเขียวให้พนักงานได้พักผ่อน นอกจากเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานแล้ว ยังสื่อถึงความใส่ใจต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

4.2 ที่อยู่อาศัย

  • โครงการบ้านจัดสรรหรือคอนโดมิเนียมที่ได้รับการรับรองมาตรฐานอาคารสีเขียว จะเน้นการวางอาคารตามแนวทิศทางลม การใช้วัสดุประหยัดพลังงาน ตลอดจนการเพิ่มสวนหย่อมหรือพื้นที่สีเขียวส่วนกลาง เพื่อให้คนอยู่อาศัยมีสิ่งแวดล้อมที่ดีและใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ

4.3 อาคารสาธารณะ

  • โรงพยาบาลและมหาวิทยาลัยจำนวนมาก เริ่มปรับปรุงอาคารหรือออกแบบอาคารใหม่ให้เป็น Green Building เพื่อประหยัดงบประมาณด้านพลังงานและส่งเสริมสุขภาพประชาชน ทั้งยังสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของภาครัฐ

5. แนวทางและขั้นตอนในการพัฒนา Green Building

5.1 เริ่มต้นด้วยการวางแผนอย่างรอบคอบ

  • หากต้องการพัฒนาโครงการ “อาคารสีเขียว” จำเป็นต้องเริ่มต้นจากการวางแผนและวิเคราะห์ตั้งแต่ต้นทาง เช่น การเลือกทำเลที่ตั้งให้เหมาะสม ไม่ทำลายพื้นที่สีเขียวเดิมมากเกินไป และสามารถเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะได้ดี

5.2 ออกแบบร่วมกัน (Collaborative Design)

  • การทำงานร่วมกันของทีมงานหลากหลายฝ่าย อาทิ สถาปนิก วิศวกร นักภูมิสถาปัตย์ และนักสิ่งแวดล้อม จะช่วยให้การออกแบบองค์รวมมีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่สุด

5.3 คัดเลือกวัสดุและเทคโนโลยี

  • ให้ความสำคัญกับการเลือกวัสดุที่มีมาตรฐาน ได้รับการรับรองด้านสิ่งแวดล้อมหรือ Green Label นำเทคโนโลยีอัจฉริยะมาปรับใช้ เช่น ระบบ IoT (Internet of Things) เพื่อตรวจวัดและควบคุมสภาพแวดล้อมภายในอาคาร

5.4 ก่อสร้างและบริหารโครงการอย่างมีมาตรฐาน

  • ดำเนินการก่อสร้างตามหลักวิศวกรรมที่ถูกต้อง ควบคุมคุณภาพทุกขั้นตอน เลือกผู้รับเหมาที่มีประสบการณ์ด้านการทำงานสีเขียว รวมถึงติดตามความคืบหน้าผ่านระบบบริหารโครงการดิจิทัล

5.5 ตรวจสอบและรับรองอาคาร

  • เมื่อการก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ ควรมีการประเมินอาคารตามหลักเกณฑ์ของมาตรฐานอาคารเขียว เช่น LEED, TREES หรือมาตรฐานท้องถิ่น เพื่อรับใบรับรอง และเป็นตัวชี้วัดว่าอาคารนั้นมีประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อมจริง

6. Green Building กับประโยชน์ทางธุรกิจและสังคม

6.1 สร้างมูลค่าเพิ่มให้โครงการ

  • โครงการที่ผ่านการรับรองอาคารสีเขียวมักจะเป็นที่สนใจของผู้ซื้อหรือผู้เช่ามากกว่า เนื่องจากสะท้อนถึงคุณภาพ ความน่าเชื่อถือ และแนวโน้มการมีค่าใช้จ่ายส่วนกลางที่ต่ำกว่าในอนาคต

6.2 สร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อองค์กร

  • สำหรับบริษัทหรือหน่วยงานใดก็ตามที่ปรับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง การเลือกพัฒนาอาคารสีเขียวจะเป็นการประกาศแนวทางความยั่งยืนต่อสาธารณะ เป็นการสร้าง Brand Image ที่ได้เปรียบเหนือคู่แข่ง

6.3 ส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)

  • อาคารสีเขียวไม่ใช่แค่ลดการใช้ทรัพยากร แต่ยังส่งเสริมให้เกิดระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน ที่เน้นการใช้ซ้ำ แยกขยะ และกระจายรายได้กลับสู่สังคม ช่วยลดภาระการกำจัดขยะ และลดการนำเข้าทรัพยากรจากต่างประเทศ

6.4 ลดผลกระทบจากวิกฤตพลังงาน

  • ด้วยระบบการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพและพึ่งพาแหล่งพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น อาคารสีเขียวจึงช่วยลดผลกระทบจากภาวะพลังงานขาดแคลนหรือราคาพลังงานที่ผันผวนได้ในระยะยาว

7. อนาคตของ Green Building ในประเทศไทย

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลายโครงการในประเทศไทยเริ่มตื่นตัวเรื่องการทำอาคารสีเขียวมากขึ้น โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่มีประชากรหนาแน่นและทรัพยากรจำกัด เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต ซึ่งมีแนวโน้มจะใช้มาตรฐาน TREES ของสถาบันอาคารเขียวไทย (TGBI) ประกอบกับนโยบายภาครัฐที่ออกมาเพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการลดคาร์บอน นี่ถือเป็นโอกาสสำคัญที่จะทำให้ Green Building กลายเป็นมาตรฐานหลักในการพัฒนาโครงการก่อสร้างยุคใหม่

  • การสนับสนุนจากรัฐบาล: โครงการดี ๆ เช่น การลดหย่อนภาษีสำหรับอาคารประหยัดพลังงาน หรือกองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สามารถช่วยกระตุ้นภาคธุรกิจและภาคเอกชนให้ลงทุนใน Green Building ได้มากขึ้น
  • ความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนและสถาบันการศึกษา: การร่วมมือวิจัยและพัฒนานวัตกรรมสีเขียว เช่น วัสดุ Smart Materials, ระบบเซนเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศ และเทคโนโลยีบริหารอาคารอัจฉริยะ จะก่อให้เกิดความก้าวหน้าในวงการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง

8. สรุปแนวคิด: รู้จัก Green Building สู่การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน

“รู้จัก Green Building” ไม่ได้หมายความว่าเราต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสถาปัตยกรรมหรือวิศวกรรมเพื่อจะเข้าใจ แต่เป็นการเปิดมุมมองใหม่ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างสมดุล อาคารสีเขียวคือก้าวสำคัญสู่อนาคตที่ผู้คนสามารถอาศัยและทำงานในสิ่งแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อสุขภาพ ในขณะเดียวกันก็ช่วยลดการปล่อยมลพิษและผลกระทบต่อโลก

  1. การลดทรัพยากรและมลพิษ: จุดเด่นใหญ่ของ Green Building คือการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่น้ำ พลังงานไฟฟ้า จนถึงวัตถุดิบก่อสร้าง
  2. การออกแบบเพื่อคุณภาพชีวิต: ไม่ใช่แค่อาคารจะสวยหรือทันสมัย แต่ยังใส่ใจสุขภาพกายใจของผู้อยู่อาศัย และมุ่งเน้นให้มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคนกับธรรมชาติ
  3. มูลค่าในระยะยาว: แม้บางครั้งจะต้องลงทุนเพิ่มเติมในช่วงแรก เช่น ค่าติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ หรือค่าตรวจสอบมาตรฐานสิ่งแวดล้อม แต่ผลตอบแทนด้านค่าไฟ ค่าบำรุงรักษา รวมถึงราคาขายต่อของอาคาร มักจะมีแนวโน้มสูงขึ้น
  4. ความร่วมมือของทุกภาคส่วน: การจะสร้างอาคารสีเขียวหนึ่งหลังให้สำเร็จ ไม่อาจทำได้โดยลำพัง ทุกฝ่ายตั้งแต่เจ้าของโครงการ ผู้รับเหมา ไปจนถึงผู้อยู่อาศัย ล้วนมีบทบาทในการดูแลและใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า

ท้ายที่สุดแล้ว Green Building เป็นได้มากกว่าแค่แนวคิดเพื่อ “สร้างภาพ” แต่คือวิธีการออกแบบและพัฒนาโครงการอันยั่งยืน ที่สร้างคุณค่าต่อทั้งผู้คนและสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นในมุมของธุรกิจที่สามารถลดต้นทุน และปรับภาพลักษณ์องค์กรให้น่าเชื่อถือ หรือในมุมของสังคมที่ได้รับสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น ลดมลพิษ และสร้างเมืองที่ผู้คนอยู่อาศัยได้อย่างมีความสุข

ดังนั้น ถ้าคุณกำลังคิดจะสร้างบ้านใหม่ รีโนเวทตึกเก่า หรือลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ การ “รู้จัก green building” และการออกแบบในรูปแบบสีเขียวจะไม่เพียงช่วยให้คุณได้อาคารที่ประหยัดพลังงาน แต่ยังเป็นการลงทุนระยะยาวที่คืนผลตอบแทนได้หลากหลายมิติ ตั้งแต่เงินในกระเป๋าไปจนถึงคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนและอนาคตของโลกใบนี้

“เพราะอนาคตของสิ่งแวดล้อม เริ่มต้นที่อาคารที่เราอยู่… Green Building จึงไม่ใช่ทางเลือก แต่มันคือทางรอดของโลกและคนรุ่นต่อไป”

สนใจสอบถามบริการสร้างโรงงาน สร้างโกดังเพิ่มเติม ติดต่อ Steelframebuilt ได้เลย!

#Steelframebuilt #สร้างโรงงาน #สร้างโกดัง #โรงงาน #โกดัง #รับสร้างโรงงาน #รับสร้างโกดัง #บริษัทรับสร้างโรงงาน

ช่องทางการติดต่อ